บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 41 ในฐานะผู้จัดงานแสดงยานยนต์ระบบโลกในยุคโควิด-19 ย้ำความมั่นใจผู้เข้าชมงานด้วยมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดที่ได้รับการยอมรับว่า เป็นมาตรฐานใหม่ของการจัดงานแสดง จากหน่วยงานของรัฐอย่างกระทรวงสาธารณะสุข จนสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ร่วมออกงานและผู้เข้าชมงานได้เป็นอย่างดี
นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในฐานะรองประธานจัดงาน เปิดเผยว่า “สำหรับงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์” ในปีนี้ หลายๆ เรื่องของการจัดงานเป็นเรื่องใหม่สำหรับทางผู้จัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของสุขอนามัย ที่จำเป็นจะต้องมีมาตรการดูแลกันอย่างเข้มข้น ในยุคที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แม้ว่า ในประเทศไทยเองจะไม่มีการพบเชื้อมามากกว่า 2 เดือนแล้วก็ตาม แต่เรื่องของมาตรการการเฝ้าระวังยังคงมีความจำเป็น ซึ่งในเรื่องดังกล่าว ผมเองต้องขอขอบคุณทาง ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข, คุณสมศักดิ์ พะเนียนทอง ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค ที่คอยให้คำปรึกษาและแนะนำ จนทำให้งาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์” ได้รับการยอมรับว่า เป็นงานอีเว้นท์ใหญ่ของประเทศที่มีมาตรการการเฝ้าระวังโรคติดต่อที่มีประสิทธิภาพเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ”
“การจัดงานในปีนี้ ต้องยอมรับว่า ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทั้ง เจ้าของสถานที่จัดงาน ผู้ร่วมออกงาน และประชาชนที่เข้าชมงาน ในการปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆ เกี่ยวทางด้านสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด เพราะถึงแม้ว่า ทางผู้จัดเองจะได้เตรียมมาตรการต่างๆ ที่รัดกุมเพียงใด แต่หากไม่ได้รับความร่วมมือ เราคงดำเนินการจัดงานให้ออกมาให้เป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างที่ผ่านมาได้ยาก”
“การจัดงาน นอกจากมาตรการป้องกันที่ทางผู้จัดได้เตรียมไว้แล้ว ทางภาครัฐเองโดยกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งนำโดย ดร. สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยังได้นำคณะและทีมงานเข้าเยี่ยมชมงาน เพื่อดูการจัดการขั้นตอน และรูปแบบในการคัดกรองผู้เข้าชมงาน โดยท่านรัฐมนตรช่วยฯ และคณะฯ ได้ร่วมปฏิบัติตามขั้นตอนการคัดกรองต่างๆ ทุกขั้นตอน ทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ และเข้าชมงานกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่า นอกจากงานด้านสาธารณสุขที่ท่านรัฐมนตรีช่วยต้องกำกับดูแลแล้ว ท่านยังใส่ใจในเรื่องของธุรกิจและเศรษฐกิจของประเทศ เพราะหากประชาชนมีความเชื่อมั่น ก็จะออกมาจับจ่ายใช้สอย ส่งผลให้ภาคธุรกิจขับเคลื่อนไปได้ และยอมส่งผลดีต่อภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศนั่นเอง”
ในเรื่องดังกล่าว ดร.สาธิต เปิดเผยว่า “จากการที่ได้เข้ามาเยี่ยมชมและทดลองปฏิบัติตามขั้นตอนและมาตรการต่างๆ ที่ทางผู้จัดได้เตรียมไว้ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของการคัดกรองผู้เข้าชมงาน การจัดทางเดินให้กว้างขึ้น มีการสแกนไทยชนะ QR code ที่ทางเข้าและทางออก พร้อมทั้งจัดเตรียมเจลล้างมือแอลกอฮอล์ไว้อำนวยความสะดวกตามจุดต่างๆ ไว้ทั่วทั้งงาน และยังได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ไว้คอยประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนเรื่องระยะห่างอยู่ตลอดเวลา ทำให้เชื่อได้ว่า การเข้ามาชมงานมีความปลอดภัย และยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศอีกทางหนึ่งด้วย เพราะถึงแม้นว่า เราจำเป็นจะต้องระมัดระวังในเรื่องของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่การขับเคลื่อนในเชิงธุรกิจก็ยังจำเป็นจะต้องดำเนินต่อไป ดังนั้น ภายใต้การจัดงานที่มีมาตรการป้องกันที่รัดกุม ก็จะเป็นการกระตุ้นให้คนกล้าที่จะออกมาใช้จ่าย ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศอีกทางหนึ่งด้วย”
“ถึงแม้ว่า รูปแบบการจัดงานหลายๆ ด้านจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่นั่น ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยของเรามีความพร้อมรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นที่ยอมรับในระดับโลก เช่นเดียวกับมาตรฐานการจัดงานของเรานั่นเอง” นายจาตุรนต์ กล่าวทิ้งท้าย