รถยนต์ไฟฟ้า BYD SEAL ดีไซน์มาในสไตล์สปอร์ต BYD OCEAN SERIES ด้วยการออกแบบที่จากความสวยงามของศิลปะแห่งท้องทะเล พร้อมเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวเกินใครกับช่วงหน้ารถแบบ X-SHAPED DESIGN เปิดวิสัยทัศน์ที่กว้างกว่ากับหลังคากระจกที่ทอดยาวทั้งห้องโดยสาร พร้อมดีไซน์ไฟ LED ด้านท้ายที่ล้ำสมัย แฝงไปด้วยกลิ่นอายของท้องทะเล ตัวไฟหน้า LED แบบ Double-U Floating เส้นสายที่ออกแบบให้บาง และ ลดแรงต้านอากาศของเลนส์ LED ทำให้ไฟหน้าเพรียวบางขึ้น
ฝากระโปรงพร้อมช็อคอับฯเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ช่องเก็บของด้านหน้าความจุ 50 ลิตร กระจกมองข้างทรงหยดน้ำ ปรับองศาอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง มือจับประตูที่เก็บซ่อนไปกับตัวรถ ช่วยจัดระเบียบอากาศ และ ลดแรงต้านของลม ซ่อนเก็บด้วยไฟฟ้า อัจฉริยะและเรียบหรูจะเปิดออกทันที เมื่อผู้ใช้ปลดล็อกด้วยระบบ Keyless entry ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว 235/45/19 ในรุ่น Premium และ AWD PERFORMANCE และ 18 นิ้ว 225/50/18 ในรุ่น Dynamic
ไฟท้าย LED แบบชิ้นเดียว ประกอบด้วยไฟรูปหยดน้ำเรียงเป็นชั้น กันชนหลังที่โดดเด่น มีมิติที่คมชัด ตกแต่งทั้ง 2 ข้างด้วยดีไซน์โครงแบบรถแข่ง ส่วนของฝากระโปรงท้ายไฟฟ้า ระบบป้องกันการหนีบอัจฉริยะ ตั้งระดับความสูงได้ตามความต้องการ BYD SEAL มีขนาดและมิติตัวรถ ยาว x กว้าง x สูง : 4,800 x1,875 x1,460 มม. ระยะฐานล้อกว้างถึง 2,920 มม.รัศมีวงเลี้ยว 5.7 เมตร ค่าสัมประสิทธิแรงเสียดทาน(Cd ) ต่ำเพียง 0.219
โครงสร้าง e-platform 3.0 เอกสิทธิ์เฉพาะรถไฟฟ้าบีวายดี ที่มาพร้อมกับเทคโนโยลีการติดตั้งแบตเตอรี่แบบ Cell To Body (CTB) พื้นที่เพิ่มขึ้นมิติความสูงและขนาดตัวรถเท่าเดิม แต่พื้นที่เบาะนั่งเพิ่มขึ้น ความปลอดภัยเพิ่มขึ้น ทนทานต่อการบิดตัว ชุดประกอบโครงสร้างแบตเตอรี่ถูกออกแบบให้สามารถปิดผนึกเข้าได้โดยตรงกับโครงสร้างรถยนต์อย่างลงตัว เพื่อให้ประสิทธิภาพการปิดผนึก และ การเสริมความแข็งของตัวพื้นฐานใต้โครงสร้างรถยนต์เพิ่มขึ้น
การพัฒนาโครงสร้างเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ระบบขับเคลื่อนแบบ AWD ด้านหลัง มอเตอร์ซิงโครนัสแบบแม่เหล็กถาวร กับ ด้านหน้า มอเตอร์อะซิงโครนัส
ภายใน BYD SEAL มาในโทนสีดำ หรูหรา ดูสปอร์ต อีกทั้งยังกว้างขวาง และ สะดวกสบาย เบาะนั่งดีไซน์ทรงสปอร์ต พร้อมระบบจดจำตำแหน่งที่นั่งเบาะคนขับ แถมตัวเบาะนั่งคนขับเลื่อนอัตโนมัติเมื่อสตาร์ท(เฉพาะรุ่น Premium และ AWD PERFORMACE) และ ดับรถปรับด้วยไฟฟ้า ตัวเบาะคนขับยังสามารถปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะฝั่งผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง มีระบบระบายอากาศ และ ระบบอุ่นเบาะ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่มีอยู่ในทุกรุ่น รุ่น Premium & AWD Performance
ตัวเบาะนั่งหุ้มหนังแบบ Courtesy ฝั่งคนขับมีระบบปรับดันหลังได้ 4 ทิศทาง (Lumbar support) พร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง (Memory Seat) เบาะนั่งด้านหลัง 3 ตำแหน่ง เบาะปรับพับแยกได้แบบ 40/60
หลังคา BYD SEAL เป็นกระจกพาโนรามิก 2 ชั้น เคลือบด้วย Silver-plated ช่วยให้การส่องผ่านแสงไม่เกิน 4.2% แสงแดดส่องผ่านได้ไม่เกิน 16% ขนาดใหญ่ถึง 1.9 ตรม. ให้มุมมองที่กว้าง หัวเกียร์ไฟฟ้าแบบคริสตัลสวยงสมและหรูหรา
พร้อมฟังก์ชั่นการควบคุมด้วยเสียง ด้วยการใช้เสียงสั่งงาน ใช้หน้าจอสัมผัส และใช้ปุ่มควบคุมต่าง ๆ โดยไม่จำเป็นต้องขยับมือ ตัวหน้าจอสัมผัสแบบหมุนได้ขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียดสูงถึง 1080P (1920x1080) ขอบจอบาง 5.9 มม. รองรับ CarPlay สำหรับอุปกรณ์ IOS หรือ Android Auto10 พร้อมหน้าหลังพวงมาลัย LCD ขนาด 10.25 นิ้ว กับระบบเครื่องเสียง Premium acoustics มาพร้อมชุดลำโพง 12 ตัว HIFI Dynaudio Audio
เพิ่มเติมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันอย่าง ที่วางชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สายให้ถึง 2 ช่อง ระบบกรอง PM2.5 ใบปัดน้ำฝนระบบอัตโนมัติแบบไร้โครง หน้า/หลัง ฟังก์ชั่น VTOL Function-2.2kW ถุงลมนิรภัย 9 ตำแหน่ง กล้องมองรอบคัน 360 องศาความคมชัดระดับสูง
และเมื่อลงทะเบียนเปิดใช้งาน BYD application เจ้าของรถจะสามารถควบคุมฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ จากระยะไกล ผ่าน BYD application ในโทรศัพท์มือถือได้ด้วย
HUD(Head UP Display) ระบบแสดงผลบนกระจกหน้าเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อยอดจากเครื่องบินทหารเพื่อให้แสดงผลการขับขี่ที่สามารถมองเห็นได้ในระดับสายตา เนื้อหาที่จะแสดงผลนั้น ยกตัวอย่างเช่น ความเร็วรถยนต์ที่จะแสดงในระดับสายตาบนกระจกบังลมหน้า ซึ่งสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับผู้ขับขี่ได้ เฉพาะรุ่น Premium และ AWD PERFORMANCE
BYD SEAL ยังมีเรดาห์แบบ Millimeter-Wave 5 ตำแหน่ง กล้องด้านหน้าสำหรับระบบ ADAS 1 ตำแหน่ง ระบบช่วยแจ้งเตือนการคาดการณ์การชนล่วงหน้า (PCW) ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา (BSD) ระบบช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW)ระบบช่วยเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA-B)ระบบช่วยรถเคลื่อนผ่านด้านหน้า (FCTA) ระบบจดจำป้ายสัญญาณจราจร (TSR) ระบบช่วยความคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัจฉริยะ (ICC)ระบบช่วยเปิดไฟสูงอัตโนมัติ (HMA) ระบบชวยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (DAW) ระบบควบคุมแรงบิดอัจฉริยะ (iTAC)
ระบบกันสะเทือนเป็นแบบ ปีกนกคู่หน้า (Double Wishbone) มัลติลิงค์ (Five-Link) ระบบกันสะเทือนปรับอัตโนมัติตามความเร็วแบบ Frequency Selective Damping (FSD) ควบคุมปริมาณน้ำมันไฮดรอลิกที่ฉีดเข้าไปในกระบอกสูบโช้คอัพผ่านวาล์ว FSD จึงปรับความนุ่มนวลและความแข็งของโช้คอัพได้โดยอัตโนมัติ การปรับเปลี่ยนแบบแปรผันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับทุกสภาพถนนในการขับขี่ ระบบดิสก์เบรกแบบ 4 พอร์ต พร้อมคาลิปเปอร์+ ดิสก์เบรกระบายความร้อนพร้อมรูระบายความร้อน
รุ่น Dynamic RWD
อัตราเร่ง 0 - 100 กิโลเมตร / ชั่วโมง (วินาที) 7.5
ระยะทางวิ่ง NEDC Combined Cycle (กิโลเมตร) 510
จำนวนที่นั่ง 5
ประเภทแบตเตอรี่ BYD Blade Battery (LFP)
ความจุแบตเตอรี่สูงสุด (กิโลวัตต์ - ชั่วโมง) 61.44
รุ่น Premium RWD
อัตราเร่ง 0 - 100 กิโลเมตร / ชั่วโมง (วินาที) 5.9
ระยะทางวิ่ง NEDC Combined Cycle (กิโลเมตร) 650
จำนวนที่นั่ง 5
ประเภทแบตเตอรี่ BYD Blade Battery (LFP)
ความจุแบตเตอรี่สูงสุด (กิโลวัตต์ - ชั่วโมง) 82.56
รุ่น AWD Performance
อัตราเร่ง 0 - 100 กิโลเมตร / ชั่วโมง (วินาที) 3.8
ระยะทางวิ่ง NEDC Combined Cycle (กิโลเมตร) 580
จำนวนที่นั่ง 5
ประเภทแบตเตอรี่BYD Blade Battery (LFP)
ความจุแบตเตอรี่สูงสุด (กิโลวัตต์ - ชั่วโมง) 82.56
ส่วนของการทดลองขับเรา “Speedxonline/onairFM101” ได้ลองขับทั้ง 3 รุ่นกันเลยทีเดียว โดยเป็นการทดลองขับบนท้องถนนจริงและการทดลองขับในสนามทดสอบ ช่วงแรกเดินทางจากกรุงเทพมุ่งสู่เขาใหญ่ นครราชสีมา ได้รับเป็นรุ่น Dynamic RWD ที่ถือว่าเป็นรุ่นเริ่มต้นของ BYD SEAL แต่ก็มีอะไรมาให้อย่างครบครันไม่ด้อยไปกว่ารุ่นที่สุงกว่าเท่าใดนัก แต่ราคาค่าตัวที่คุ้มสุด ส่วนของหน้าตาภายนอกรวมถึงความหรูหราของภายในก็ไม่ได้แตกต่างกันนัก ยิ่งส่วนของการขับขี่ตามสเปคจะ “ต่ำ” กว่าพอสมควร แต่ก็ดูเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันแล้ว อัตราเร่งแซงเท่าที่ได้ลองก็ถือว่า “ทันใจ” ตามแบบฉบับของรถไฟฟ้า การรอรอบแบบเครื่องยนต์สันดาปไม่มีให้รู้สึกเลย การออกตัวนุ่มนวลไม่กระชาก ขับใช้งานเรื่อยๆในเมืองที่การจราจรคับคั่งทำได้ดี ตัวรถมีขนาดใหญ่แลดูมั่นคงและภูมิฐาน การบังคับควบคุมทำได้อย่างฉับไว เปลี่ยนเลนไปมาตามสภาพการจราจรได้เชื่องมือ ช่วงล่างเน้นนุ่มนวล นั่งสบาย การซับแรงสั่นสะเทือนช่วงความเร็วต่ำทำได้ดี แต่ช่วงความเร็วสูงจะรู้สึกวูบวาบหน่อยแต่ก็ยังขับขี่ได้อย่างมั่นใจ
มาถึงสนามทดสอบที่เขาใหญ่ได้ลองเปลี่ยนรุ่นเป็น AWD Performance ตัวแรงสุดพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ การออกตัวทำได้ดีมาก พุ่งทะยานไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว กำลังจากมอเตอร์ทั้งู่เหลือเฟือสามารถสร้างอัตราเร่งในสนามทดสอบได้อย่างเร้าใจ ช่วงทดลองขับเข้าโค้งบนสภาพถนนที่ลื่นเพื่อแสดงถึงการทำงานของตัวช่วยการขับขี่อย่าง ระบบควบคุมแรงบิดอัจฉริยะ (ITAC) ที่ช่วยให้ตัวรถไม่เสียการทรงตัวและปลอดภัยสูงสุด
ต่อด้วยสถานีสลาลอมอันนี้ได้ลองประสิทธิภาพการบังคับควบคุมของรถ ซึ่ง BYD SEAL ก็สามารถบังคับผ่านไปได้อย่างสบาย การควบคุมพวงมาลัยฉับไวและเชื่องมือ ตัวรถสามารถพลิกพลิ้ว ซ้าย-ขวา ผ่านไปได้อย่างมั่นคง อาการเอียงของตัวรถมีน้อย ช่วงล่างแสดงอาการมากหน่อย การยุบตัวมีมากไปนิด แต่ก็ไม่เป็นปัญหาอะไรในการขับขี่แบบปกติ การเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงทำได้ดีทั้งอัตราเร่งและการบังคับควบคุม สามารถขับเข้าและออกโค้งได้ทันใจ สุดท้ายจบด้วยการทดลองระบบเบรกของ BYD SEAL ด้วยความเร็วระดับ 100 กม./ชม. ก็สามารถ “หยุด” ได้อย่างน่าพอใจ แต่ถ้าเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเบรกให้ “ดี” กว่านี้ก็คงจะเต็ม 100 เลย
ช่วงสุดท้ายเดินทางกลับกรุงเทพได้เปลี่ยนมาลองขับรุ่น Premium RWD ตัวกลางของรุ่น ซึ่งราคาค่าตัวก็น่าสนใจแถมสิ่งอำนวยความสะดวกก็มาให้น้องๆกับตัวท้อปเลยทีเดียว อีกทั้งระยะทางที่วิ่งได้ก็ยังสูงที่สุดอีกด้วย ในส่วนของการขับขี่ก็ยังมีอารมณ์คล้ายๆกับรุ่น Dynamic เพราะขับเคลื่อน 2 ล้อหลังเหมือนกัน แต่ที่รู้สึกเหนือกว่าคือในส่วนของอัตราเร่งที่จัดจ้านกว่า การเร่งแซงทำได้ “ดี” กว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยรวมเป็นรุ่นที่ขับสนุกกว่าตัวเริ่มต้น และไม่ดุดันจัดอย่างตัวท้อปที่แรงสุด ยิ่งสามารถวิ่งได้ระยะทางที่มากที่สุด(ตามสเปค)ก็เลยน่าสนใจสุด แต่จริงๆแล้วเวลาใช้งานจริงจะไม่สามารถทำได้ตามระดับนั้น เพราะมันมีปัจจัยหลายๆอย่างประกอบด้วย โดยที่ลองขับจริงนั้นจากระยะทางที่วิ่งไปประมาณ 250 ก็จะเหลือปริมาณแบตเตอรี่ 40% ซึ่งถ้าชาร์จจนเต็ม 100% ก็น่าจะได้น้อยกว่าสเปคจากโรงงานพอสมควร……