ครั้งแรกกับงาน BFGoodrich Day ประจำปี 2566 เปิดประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟกับการขับขี่บนทางเรียบและออฟโรด ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา

ครั้งแรกกับงาน BFGoodrich Day ประจำปี 2566  เปิดประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟกับการขับขี่บนทางเรียบและออฟโรด  ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา

ตลอดการจัดงานระหว่างวันที่ 3-11 พฤศจิกายน 2566 คาดว่าจะมีผู้จัดจำหน่าย สื่อมวลชน และอินฟลูเอนเซอร์มากกว่า 200 คน จาก 8 ประเทศทั่วภาคพื้นเอเชียตะวันออกและโอเชียเนีย เข้าร่วมงาน

งานนี้ประกอบด้วย พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการ และ กิจกรรมเชิงปฏิบัติการ 5 ฐาน

เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้ชมและสัมผัสประสิทธิภาพของยางบีเอฟกู๊ดริชที่วางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบันครบทุกรุ่น ทั้งยางออฟโรด [ได้แก่ บีเอฟกู๊ดริช เทรล เทอร์เรน ที/เอ (BFGoodrich Trail Terrain T/A), บีเอฟกู๊ดริช ออล-เทอร์เรน ที/เอ เคโอ2 (BFGoodrich All-Terrain T/A KO2), และ บีเอฟกู๊ดริช มัด-เทอร์เรน ที/เอ เคเอ็ม3 (BFGoodrich Mud-Terrain T/A KM3)] และยางทางเรียบ [ได้แก่ บีเอฟกู๊ดริช แอดแวนเทจ ทัวร์ริ่ง (BFGoodrich Advantage Touring) และ บีเอฟกู๊ดริช จี-ฟอร์ซ ฟีนอม ที/เอ (BFGoodrich g-Force Phenom T/A)]

 

        ปีนี้เป็นปีแรกที่ ‘บีเอฟกู๊ดริช’ ริเริ่มจัดงาน BFGoodrich Day ประจำปี 2566 ขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้แขกพิเศษที่เข้าร่วมงานได้สัมผัสประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับคุณสมบัติ การใช้งาน ตลอดจนสมรรถนะการขับขี่ของยางบีเอฟกู๊ดริชทั้งบนถนนเปียกและถนนแห้ง พร้อมทั้งเรียนรู้ประวัติความเป็นมาอันยาวนานของ
แบรนด์บีเอฟกู๊ดริช รวมถึงได้ชมและสัมผัสประสิทธิภาพของยางบีเอฟกู๊ดริชที่วางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบันครบทุกรุ่น ทั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้จัดจำหน่าย สื่อมวลชน และอินฟลูเอนเซอร์มากกว่า 200 คน จาก
8 ประเทศทั่วภาคพื้นเอเชียตะวันออกและโอเชียเนีย (ได้แก่ ออสเตรเลีย, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, นิวซีแลนด์, ฟิลิปปินส์, เกาหลีใต้, ประเทศไทย และเวียดนาม) เข้าร่วมงานดังกล่าวซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-11 พฤศจิกายน 2566 ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา

 

         งาน BFGoodrich Day ประจำปี 2566 ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการ และ กิจกรรมเชิงปฏิบัติการ 5 ฐาน  โดยพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการ นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์บีเอฟกู๊ดริชที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 150 ปี  ทั้งนี้ บีเอฟกู๊ดริชเป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2413 โดย ดร.เบนจามิน แฟรงคลิน กู๊ดริช และได้รวมเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มมิชลินตั้งแต่ปี 2533  นวัตกรรมที่โดดเด่นของบีเอฟกู๊ดริช ได้แก่ ยางเรเดียลรุ่นแรกที่ผลิตในอเมริกา, ยางเรเดียลรุ่นแรกของโลกสำหรับทุกสภาพภูมิประเทศ (All-Terrain) และสำหรับเส้นทางทุรกันดารที่ขรุขระและเป็นดินโคลน (Mud-Terrain), ยางล้อสำหรับกระสวยอวกาศ ‘โคลัมเบีย’ (Columbia) ฯลฯ  นอกจากนี้ ยางบีเอฟกู๊ดริช ยังคว้าชัยในการแข่งขันกีฬามอเตอร์สปอร์ตยอดนิยมระดับโลกหลายรายการ อาทิ เลอ มังส์ 24 ชั่วโมง (Le Mans 24 Hours), บาฮา 1000 (Baja 1000) และ ดาการ์ แรลลี่ (Dakar Rally)

 

        ภายในพื้นที่นิทรรศการยังจัดแสดงผลิตภัณฑ์ยางบีเอฟกู๊ดริชที่วางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบันครบทุกรุ่น
ทั้งยางออฟโรด ได้แก่ ‘บีเอฟกู๊ดริช เทรล-เทอร์เรน ที/เอ’ (BFGoodrich Trail-Terrain T/A) ยางระดับพรีเมียมที่ให้สมรรถนะเหนือกว่าบนทางเรียบและรองรับการขับขี่นอกเส้นทางลาดยาง
ที่ไม่สมบุกสมบันมากนัก, ‘บีเอฟกู๊ดริช ออล-เทอร์เรน ที/เอ เคโอ2’ (BFGoodrich All-Terrain T/A KO2) สุดยอดยางสำหรับรถยนต์ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4x4) และระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (4x2), รถเอสยูวี และ
รถกระบะยกสูง ซึ่งมาพร้อมแรงยึดเกาะตะกุยที่ทรงพลัง จึงใช้งานออฟโรดได้ดีแม้ในภูมิประเทศสุดหฤโหดและ ‘บีเอฟกู๊ดริช มัด-เทอร์เรน ที/เอ เคเอ็ม3’ (BFGoodrich Mud-Terrain T/A KM3) ยางที่ลุยได้ทุกสภาพเส้นทางหฤโหดสำหรับชาวออฟโรดตัวจริง และยางทางเรียบ ได้แก่ ‘บีเอฟกู๊ดริช แอดแวนเทจ ทัวริ่ง’ (BFGoodrich Advantage Touring) ยางรถยนต์สำหรับวิ่งบนทางเรียบที่ให้ความคุ้มค่าเหนือกว่า ได้รับการออกแบบให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจในทุกสภาพถนน โดยเฉพาะการขับขี่ประจำวันในเขตเมือง และ‘บีเอฟกู๊ดริช จี-ฟอร์ซ ฟีนอม ที/เอ’ (BFGoodrich g-Force PHENOM T/A) ยางรถยนต์สมรรถนะสูงพิเศษสำหรับวิ่งบนทางเรียบที่ออกแบบมาเพื่อขับเคลื่อนประสิทธิภาพยานยนต์สู่อีกระดับที่เหนือกว่าทั้งบนถนนเปียกและถนนแห้ง

 

         ไฮไลต์พิเศษคือประสบการณ์ขับขี่สุดเร้าใจที่ผู้เข้าร่วมงานจะได้สัมผัสจากกิจกรรมเชิงปฏิบัติการ 5 ฐาน โดย 2 ฐานเป็นการขับแบบออฟโรด (ได้แก่ Cross Country, Hotlap และ Off-Road Buggy) ณ Wild Calling Farm Park ลานแคมป์ปิ้งเอกชนท่ามกลางขุนเขาที่โอบล้อม อีก 2 ฐานเป็นการขับทางเรียบ (ได้แก่ Handling & Braking, Mini Circuit และ Hotlap)  ณ 8 Speed Motor Track สถานที่สำหรับจัดกิจกรรมหลากรูปแบบบนพื้นที่ 50 ไร่ โดยไม่จำกัดอยู่เพียงการแข่งรถ และฐานสุดท้ายเป็นการขับบนเส้นทางออฟโรดสู่ “เขายายเที่ยง” เพื่อชมทิวทัศน์สุดตระการตาจากยอดเขา

Tags :

view