- บริษัท บริดจสโตน ไทร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด มุ่งดำเนินธุรกิจด้วยเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการผลิตยางรถยนต์ คิดเป็น 208,404 ตัน และ 98,505 ตัน ตามลำดับ ภายในปี ค.ศ. 2025 (พ.ศ. 2568)
- การดำเนินงานดังกล่าวตอกย้ำวิสัยทัศน์ระยะยาวด้านสิ่งแวดล้อมของบริดจสโตนด้วยการสนับสนุนและขับเคลื่อนให้เกิดความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593)
- นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับการส่งเสริมด้านโรงงานสีเขียวและโรงงานอัจฉริยะ (Green and Smart Factory) เพื่อสนับสนุนความเป็นกลางทางคาร์บอนในสังคมการเดินทาง และยังสะท้อนผ่าน “Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน)” ในฐานะองค์กรเพื่อส่งมอบโซลูชั่นอย่างยั่งยืน
คุณโทโมฮิโร อิริเอะ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค บริษัท ไทยบริดจสโตน จํากัด (ที่ 3 จากขวา), คุณโชสุเกะ นามิยามา กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริดจสโตน ไทร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (ที่ 2 จากขวา) และคุณอรรถพล แพรพริ้วงาม ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส ส่วนงานความยั่งยืน บริษัท ไทยบริดจสโตน จํากัด (ที่ 1 จากขวา) พร้อมด้วยคุณเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ ประธานกรรมการ บริษัท เมฆาวี จำกัด (ที่ 3 จากซ้าย), คุณชาญ กุลภัทรนิรันดร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่แผนและพัฒนาธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมฆาวี จำกัด (ที่ 2 จากซ้าย) และคุณณัฐชาต เจิดนภาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัท เมฆาวี จำกัด (ที่ 1 จากซ้าย) ในพิธีส่งมอบใบยืนยันสิทธิพลังงานหมุนเวียนแก่บริดจสโตน
บริดจสโตนตั้งเป้ามุ่งสู่วิสัยทัศน์ระยะยาวด้านสิ่งแวดล้อมด้วยการสนับสนุนและขับเคลื่อนให้เกิดความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593) ล่าสุดบริษัท บริดจสโตน ไทร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด จ.ชลบุรี และบริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด โรงงานหนองแค จ.สระบุรี ได้รับใบยืนยันสิทธิพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificates: RECs) เพื่อรับรองการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในกระบวนการผลิตยางรถยนต์ จากบริษัท เมฆาวี จำกัด (Mekha V) ภายใต้การบริหารของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) โดยเป็นผู้นำด้าน AI Robotics และ Digitalization กับพันธกิจขับเคลื่อน Digital Transformation และเป็น Carbon Neutrality Partner ตอกย้ำพันธกิจร่วมของบริดจสโตน และ Mekha V ในการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการขับเคลื่อนความยั่งยืนด้านพลังงานให้กับประเทศไทย
ปัจจุบันแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่ใช้ผลิตไฟฟ้าของบริดจสโตนประกอบด้วยพลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานลม และพลังงานน้ำ การได้รับใบยืนยันสิทธิพลังงานหมุนเวียนช่วยสนับสนุนให้บริษัท บริดจสโตน ไทร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ยกระดับการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนได้ถึง 88% ของความต้องการใช้ไฟฟ้าของบริษัทฯ ตลอดระยะเวลา 3 ปี *1 ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 208,404 ตัน *2 ในขณะเดียวกันยังยกระดับการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนของบริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด โรงงานหนองแค ได้ถึง 55.6% ของความต้องการใช้ไฟฟ้าของบริษัทฯ ตลอดระยะเวลา 3 ปี ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 98,505 ตัน *3
คุณโชสุเกะ นามิยามา กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริดจสโตน ไทร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปีนี้เราเพิ่มสัดส่วนการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนคิดเป็น 100% ซึ่งมาจากใบยืนยันสิทธิพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificates: RECs) และการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาอาคารโรงงาน และเรามุ่งมั่นที่จะคงเป้าหมายการเป็นโรงงานที่ใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ในทุกๆ ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2568 เป็นต้นไป เรามีแผนเพิ่มการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาบริเวณพื้นที่ที่เหลือของโรงงานด้วยสัดส่วนมากกว่า 13% พร้อมเพิ่มการใช้รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าในโรงงานแทนการใช้ก๊าซ LPG เป็นเชื้อเพลิง นอกจากนี้เรายังร่วมกับบริษัทคู่ค้าศึกษาการใช้พลังงานหมุนเวียนในรูปแบบอื่นๆ เช่น การซื้อบริการไฟฟ้าสีเขียว (Utility Green Tariff) จากหน่วยงานภายนอก”
คุณโทโมฮิโร อิริเอะ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค บริษัท ไทยบริดจสโตน จํากัด กล่าวว่า “การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในกระบวนการผลิตยางรถยนต์นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการบรรลุวิสัยทัศน์ระยะยาวด้านสิ่งแวดล้อมของบริดจสโตนภายในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593) พร้อมขับเคลื่อนความยั่งยืนให้กับภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศ ปัจจุบันโรงงานหนองแคยกระดับการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในกระบวนการผลิตยางรถยนต์ รวม 63.6% ซึ่งมาจากใบยืนยันสิทธิพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificates: RECs) จำนวน 55.6% และระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาอาคารโรงงาน 8% *4 นอกจากนี้เรายังมุ่งมั่นส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนรูปแบบอื่นๆ ในกระบวนการผลิตยางรถยนต์เพิ่มเติมต่อไปในอนาคต โดยในปี พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป เรามีแผนการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาบริเวณพื้นที่ที่เหลือของโรงงานหนองแค พร้อมศึกษาการใช้พลังงานชีวมวลและการใช้พลังงานจากไฮโดรเจน เพื่อร่วมส่งมอบคุณค่าให้กับสังคม ลูกค้า และพันธมิตร ในฐานะองค์กรผู้ส่งมอบโซลูชั่นอย่างยั่งยืน”
คุณอรรถพล แพรพริ้วงาม ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส ส่วนงานความยั่งยืน บริษัท ไทยบริดจสโตน จํากัด กล่าวเสริมว่า “บริดจสโตนรุดดำเนินธุรกิจด้วยเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการผลิตยางรถยนต์เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ระยะยาวด้านสิ่งแวดล้อมให้เกิดความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593) และเป้าหมายสิ่งแวดล้อมระยะกลางในปี ค.ศ. 2030 (พ.ศ. 2573) ด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 50% ทั่วทั้งธุรกิจ*5 การดำเนินงานดังกล่าวของเรายังสะท้อนผ่าน “Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน) *6 “ด้าน Energy (พลังงาน) มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนด้วยการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนภายในองค์กร” และ “ด้าน Ecology (สิ่งแวดล้อม) ตอบโจทย์ความยั่งยืนอย่างแท้จริงเพื่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการสร้างความไว้วางใจและน่าเชื่อถือให้กับคนรุ่นต่อไปในอนาคต”
*1 ปัจจุบันแหล่งการใช้พลังงานไฟฟ้าของบริษัท บริดจสโตน ไทร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ประกอบด้วย 1) ใบยืนยันสิทธิพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificates: RECs) 88% 2) ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาอาคารโรงงาน 5% และ 3) การศึกษาการใช้พลังงานหมุนเวียนในรูปแบบอื่นๆอีก 7% โดยคำนวณจากปริมาณการใช้ไฟฟ้าในปี พ.ศ. 2566 - พ.ศ. 2568 พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังมี แผนการดำเนินงานเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนในกระบวนการผลิตยางรถยนต์ต่อไปในอนาคต และมุ่งมั่นที่จะคงเป้าหมายการเป็นโรงงานที่ใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ในทุกๆ ปี
*2 คำนวณโดยใช้ปัจจัย 0.4046 ตัน-CO2/MWh เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยบริษัท บริดจสโตน เอเชีย แปซิฟิค เทคโนโลยี เซ็นเตอร์ จำกัด
*3 คำนวณโดยใช้ปัจจัย 0.4725 ตัน-CO2/MWh เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยบริษัท บริดจสโตน เอเชีย แปซิฟิค เทคโนโลยี เซ็นเตอร์ จำกัด
*4 ปัจจุบันแหล่งการใช้พลังงานไฟฟ้าของบริษัท ไทยบริดจสโตน จํากัด โรงงานหนองแค ประกอบด้วย 1) ใบยืนยันสิทธิพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificates: RECs) 55.6% 2) ระบบโคเจเนอเรชั่น 36.4% และ 3) ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา 8% โดยคำนวณจากปริมาณการใช้ไฟฟ้าในปี พ.ศ. 2566 พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังมีแผนการดำเนินงานเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ในกระบวนการผลิตยางรถยนต์ต่อไปในอนาคต