ในเดือนมิถุนายนปีที่ผ่านมา บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้เปิดตัวและแนะนำ ไฮลักซ์ รีโว่ ใหม่ เครื่องยนต์ “GD Super Power Engine” เจเนอเรชันที่ 2 และระบบช่วงล่างใหม่ “Superflex” พร้อมด้วย ดีไซน์ใหม่หมดเกือบทั้งคัน และผ่านมาไม่กี่เดือนก็ตอกย้ำความเป็น “ยืนหนึ่ง” ด้วยไฮลักซ์ รีโว่ GR Sport และไฮลักซ์ รีโว่ รุ่นปรับปรุงใหม่ เป็นครั้งแรกของเอเชีย ซึ่งพัฒนาโดยหัวหน้าวิศวกรชาวไทย ดร.จุฬชาติ จงอยู่สุข และ คุณอัญญารัตน์ สุทธิเบญจกุล
โดย ไฮลักซ์ รีโว่ GR Sport นับเป็นผลิตภัณฑ์ GR รุ่นที่ 4 ในไทย ต่อจาก Corolla GR Sport, GR Supra และ GR Yaris และเป็นรถกระบะในซีรีย์ GR รุ่นแรก ที่ผลิตในประเทศไทย โดยมี DNA ของมอเตอร์สปอร์ตภายใต้แนวคิดของ Gazoo Racing ที่ว่า “จากสนามแข่ง สู่ท้องถนน” โดบรุ่นนี้มาพร้อมการออกแบบที่เน้นอารมณ์สปอร์ตทั้งภายนอกและภายใน จากชุดแต่งพิเศษรอบคันที่เสริมประสิทธิภาพการขับขี่ตามหลักอากาศพลศาสตร์ ประสิทธิภาพการเกาะถนนและความคล่องตัวที่ดียิ่งขึ้นจากช็อคฯอับแบบโมโนทูบ (Monotube Shock Absorber) ในรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ
ภายนอกดีไซน์ใหม่ดุดันตามสไตล์ GR เริ่มจากกระจังหน้าสีดำขนาดใหญ่พร้อมตัวอักษร Toyota อยู่ตรงกลาง ส่วนสัญลักษณ์ GR แปะกำกับไว้ด้านขวา ส่วนของชายล่างของกันชนรวมถึงเบ้าไฟตัดหมอกก็เป็นสีดำเช่นกัน ไฟหน้าแบบ Bi-Beam LED เพิ่มฟังค์ชั่นปรับระดับแบบอัตโนมัติ ด้านข้างโป่งล้อดีไซน์เดิมแบบ Rocco แต่เปลี่ยนไปใช้สีเดียวกับตัวรถ ส่วนมือเปิดประตูก็เป็นสีเดียวกับตัวรถเช่นกัน เพิ่มความโดดเด่นแบบ GR ด้วยสติกเก้อร์ตกแต่งและโลโก้ GR ที่ขอบประตูหน้า ด้านท้ายสปอร์ตบาร์สีดำมาพร้อมไฟส่องสว่างช่วยเพิ่มความสะดวกเวลาใช้งานตอนกลางคืน ด้านบนมีเสาอากาศวิทยุแบบครีบฉลามตามยุคสมัยด้วย ไฟท้ายแบบ LED ทรงเดิมที่ดูสวยงามดีอยู่แล้ว กันชนเปลี่ยนเป็นสีดำ ฝาท้ายพร้อมตัวช่วยผ่อนแรงเปิด-ปิด พร้อมตกแต่งด้วยสติกเก้อร์ตกแต่งและโลโก้ GR ด้วยเช่นกัน
ระบบช่วงล่างและระบบเบรกปรับแต่งใหม่ให้เหมาะสมเป็นรุ่น GR สปริงขดด้านหน้าและสปริงแหนบด้านหลังก็ปรับใหม่ ส่วนช็อคอับฯหน้า-หลังก็เป็นแบบ Monotube ที่ส่วนของห้องแก๊ส (ไนโตรเจน) กับห้องของเหลว (น้ำมัน) จะแยกกันอย่างชัดเจนโดยลูกสูบเสริมตัวแก๊สที่ใช้จึงใส่มาได้เต็มในระดับ High-pressure gas และเมื่อบวกกับความโตของกระบอกสูบและลูกสูบที่สามารถออกแบบให้ใหญ่ ซึ่งส่วนนี้จะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพดีกว่าในทุกๆด้านเมื่อเทียบกับช็อคอับฯแบบ Twintube ที่อยู่ในรถทั่วๆไป
ระบบเบรกปรับประสิทธิภาพมาใหม่ ด้านหน้าเป็นแบบดิสก์เบรกคาลิเปอร์สีแดงแปะโลโก้ GR ดูเข้มขลังมากเลยทีเดียว ส่วนด้านหลังเป็นแบบรัม ตัวล้อหน้า-หลังขนาด 18 นิ้วดีไซน์ใหม่เล่นเป็นสีดำเข้ากับตัวรถเป้นอย่างดี ส่วนยางเป็นขนาด 265/60-18 เท่ากันหมดทั้ง 4 ล้อ
ขนาดสัดส่วนของเจ้า Hilux Revo Double Cab GR Sport ยาว 5,325 มม. กว้าง 1,900 มม. สูง 1,865 มม. ฐานล้อ 3,085 มม. ความกว้างล้อหน้า 1,535 หลัง 1,550 มม.และ ระยะต่ำสุด 217 มม.ภายในกระบะ กว้าง 1,555 มม.ยาว 1,540 มม. สูง 480 มม.รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 6.4 ม.
ขุมพลังปรับปรุงใหม่รหัส 1GD-FTV ดีเซลแบบ 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo และ Intercooler ความจุ 2,755 ซีซี แรงม้านสูงสุด 204 ตัว ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 - 2,800 รอบต่อนาที ระบบเกียร์เป็นแบบอัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift และ Paddle Shift ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อม Differential Lock ที่เฟืองท้าย
ภายในห้องโดยสารเมื่อเปิดประตูรถจะเห็นเบาะนั่งทางสปอร์ตดีไซน์ใหม่หุ้มด้วยหนัง Suede แบบเจาะรู สีดำสลับแดง ตะเข็บเดินด้ายสีแดง พร้อมสัญลักษณ์ GR เด่นเป็นสง่า ด้านคนขับเป้นแบบปรับด้วยไฟฟ้าส่วนด้านผู้โดยสารปรับธรรมดาด้วยมือ แผงคอนโซลและแผงประตูตกแต่งด้วยโทนสีดำมั้งหมด เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังก็ดีไซน์ด้วยหนัง Suede แบบเจาะรูเช่นเดียวกับด้านหน้า พนักพิงออกแบบองศาเอนกำลังดี
แผงคอนโซลหน้าทรงเดียวกับ Revo รุ่นอื่นๆแต่เพิ่มดีไซน์ให้ดูเป็นสปอร์ตมากขึ้น ตรงกลางเด่นด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Capacitive รองรับระบบ Apple Car และสามารถเชื่อมต่อ Bluetooth รองรับโทรศัพท์ และการเล่นเพลง ผ่านลำโพง 6 ตำแหน่งครอบคลุมทั่วในห้องโดยสาร พวงมาลัย 3 ก้านทรงเดิมหุ้มหนังสีดำเพิ่มก้าน Paddle Shift ด้านหลัง และโลโก้ GR ที่ทำให้ดูพิเศษกว่ารุ่นธรรมดาเยอะ ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติปรับใหม่แยกปรับอุณหภูมิซ้าย-ขวาได้อย่างอิสระ ข้างๆเป็นปุ่มแบบลูกบิดเลือกใช้งานระบบขับเคลื่อน ถัดลงมาเป็นช่องเชื่อมต่อ USB ปุ่มควบคุมตัวช่วยต่างๆตอน “ลุย” ลงมาตรงคอนโซลกลางคันเกียร์ทรงสวยจับถนัดมือ มาพร้อมกับตำแหน่ง S และตำแหน่ง +/- สำหรับการเปลี่ยนเกียร์แบบธรรมดาตามใจผู้ขับ สุดท้ายข้างๆเป็นปุ่มเลือกโหมดการขับขี่ ECO กับ PWR
ส่วนระบบความปลอดภัยก็มาอย่างคับคั่งอย่าง สัญญาณเตือนกะระยะด้านท้าย และมุมกันชนหน้า-หลัง กล้องมองรอบคัน PVM (Panoramic View Monitor)ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM (Blind Spot Monitor)
ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบเสริมแรงแบรก BA ระบบควบคุมการทรงตัว VSC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย TSC
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HACระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน DAC ระบบป้องกันการออกตัวฉุกเฉิน DSC ระบบควบคุมเฟืองท้าย (Auto Limited Slip Differential) ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ (Dynamic Radar Cruise Control) ระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ LDAโครงสร้างนิรภัย GOA คานเหล็กนิรภัยด้านข้าง ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS คู่หน้า และหัวเข่าด้านคนขับ ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS ด้านข้าง และม่านด้านข้าง
การทดลองขับในครั้งนี้ถือว่าได้สัมผัสเจ้า Hilux Revo GR Sport คันนี้อย่างจุใจ เริ่มขับในโหมด ECO การกดคันเร่งออกตัวจะต้อง “ลึก” พอสมควรตัวรถถึงขยับออกไปได้ ซึ่งดูเหมาะกับการขับขี่ในเมืองหรือเดินทางไกลแบบเรื่อยๆไม่รีบร้อน เพราะตัวรถจะออกตัวและมีอัตราเร่งที่นุ่มนวลไม่กระชาก ในการขับใช้งานทั่วไปจะประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดี แต่ถ้ามีเหตุต้องการเร่งแซงทันทีทันใจเพียงกดคันเร่งเร็วและแรง Hilux Revo GR Sport ก็ปรับเปลี่ยนอารมณ์ให้มีฝีเท้าที่จัดจ้านได้อย่างทันทีทันใด
ส่วนถ้าอยากขับด้วยอารมณ์สนุกและเร้าใจแบบสปอร์ตต้องเลือกโหมด PWR ที่สามารถตอบสนองการขับขี่ได้ทันใจกว่า คันเร่งตอบสนองได้ไวขึ้น กดคันเร่งไม่มากเครื่องยนต์ก็ผลิตอัตราเร่งและกำลังตอบสนองได้อย่างน่าทึ่ง แรงบิดมาอย่างแรงและเร็ว ยิ่งทำงานร่วมกับเกีนร์อัตโนมัติ 6 สปีดอย่างลงตัวแล้วความเร็วสามารถไต่สูงขึ้นได้อย่างเรื่อยๆ เพียงอึดใจก็เผลอไปแตะระดับ 170 กม./ชม. จึงถอนคันเร่งลงมาหน่อย ซึ่งต้องยอมรับเลยว่ากำลังของเจ้า Hilux Revo GR Sport ระดับ 204 แรงม้า กับแรงบิดระดับ 500 นิวตัน-เมตร ในท้องตลาดก็ไม่ได้เป็นรองรถรุ่นอื่นๆเท่าไรนัก แต่กลับรู้สึกว่าขับแล้วรถคันนี้มี “พลัง” ในแบบเครื่องยนต์ใหญ่ๆความจุสูงๆมากกว่า “พลัง” ในแบบที่ต้องเค้นจากเครื่องยนต์เล็กๆความจุน้อยๆที่กำลังพอๆกัน แต่ระบบเกียร์ “น่าจะ” มีให้ใช้มากกว่า 6 สปีด สมรรถนะของตัวรถคงจะตอบสนองและขับได้ดีกว่านี้อีก
ช่วงล่าง Hilux Revo GR Sport ปรับปรุงมาใหม่ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ในส่วนด้านหน้าช็อคอับฯเป็นแบบ Monotube พร้อมเซ็ทความแข็งของสปริงใหม่ เวลาขับใช้งานจะรู้สึกว่าไม่ “นิ่ม” และ “หนึบ” กว่าตัว Rocco ที่เคยได้ทดลองขับ ซึ่งเวลาขับใช้งานบนถนนเรียบจะนิ่งและมั่นคงดี ช่วงเข้าโค้งก็ยังทำได้ดี เกาะโค้งได้มั่นคง การเอียงของตัวรถมีน้อยมาก ยามขับผ่านทางขรุขระก็ยังทำได้ดี ไม่กระเด้งกระดอนแบบช่วงล่างทีนิ่มและหนึบน้อยกว่า การซับแรงกระแทกต่างๆของช่วงล่างด้านหน้าก็ยังทำได้ดี เริ่มแรกคิดว่าเจ้า Hilux Revo GR Sport ที่ขับได้ดีบนทางเรียบจะสะเทือนมากยามเจอถนนขรุขระ แต่เปล่าเลยช่วงล่างด้านหน้าเก็บแรงกระแทกและแรงสั่นสะเทือนไปได้เกือบหมดเลยทีเดียว
ส่วนช่วงล่างด้านหลังช็อคอับฯก็เป็นแบบ Monotube เช่นกัน ส่วนสปริงแหนบก็ปรับจาก Rocco มาใหม่ โดยรวมบนถนนเรียบรู้สึกตัวรถด้านท้ายนิ่งดี เวลาเข้าโค้งสามารถขับผ่านได้อย่างมั่นคงดี การผ่านรอบต่อของถนนรู้สึกกระด้างไปหน่อย มีแรงกระแทกส่งขึ้นมาให้รู้สึกเหมือนกัน ยิ่งช่วงถนนคอนกรีตจะรู้สึกสะเทือนไม่น้อยกับรอยต่อของถนน ยิ่งรวมกับช็อคอับฯชุดนี้ทำให้นั่งไม่ค่อยสบายยามต้องเจอสภาพถนนแบบนี้ แต่ถ้าเป็นผิวถนนอย่างยางมะตอยทั่วๆไปกลับไม่รู้สึกถึงการสะเทือนแบบนั้นเลย การบังคับพวงมาลัยถือว่าโอเคยามความเร็วต่ำส่วนตอนความเร้วสูงระดับ 100 กม./ชม.ขึ้นไปน้ำหนักกำลังดี ไม่เบาหวิว ทำให้ขับรถได้อย่างมั่นคงและมั่นใจ แต่พอความเร็วสูงระดับ 130 กม./ชม.ขึ้นไปความมั่นคงของตัวรถเริ่มลดลงพวงมาลัยเริ่มต้องจับแบบ “เน้น” มากขึ้นหน่อยแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาหนักหนาอะไร จากลักษณะตัวรถที่สูงคงจะต้องมีอาการแบบนี้ยามใช้ความเร็วสูงเป็นปกติอยู่แล้ว จากการทดลองขับในโหมด ECO อัตราสิ้นเปลืองทำได้แถวๆ 15 กม./ลิตร ต้นๆ ส่วนถ้าใช้โหมด PWR อัตราการสิ้นเปลืองจะแจ้งอยู่ที่ 13 กม./ลิตร กลางๆ