ในปัจจุบันฮอนด้า แอคคอร์ด ก็เดินทางมาถึงเจเนอเรชันที่ 10 ซึ่งนับเป็นรถยนต์ระดับพรีเมียมซีดานของฮอนด้า ที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีระดับพรีเมียมอย่างครบครัน และล่าสุดมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ “ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง” (Honda SENSING) เป็นมาตรฐานความปลอดภัยที่ครอบคลุมทุกรุ่นย่อยเลยทีเดียว สำหรับการทดลองขับในครั้งนี้ถือเป็นการปรับเปลี่ยนรูปแบบกันใหม่ในขณะที่ต้องเผชิญวิกฤตโควิด 19 กัน โดยจะเป็นการทดลองขับระยะทางสั้นๆในครึ่งวันแรกในรุ่น EL 1.5 VTEC Turbo ส่วนในครึ่งวันหลังจะเป็นการทดลองขับในรุ่น e:HEV TECH กัน
Honda Accord EL 1.5 VTEC Turbo
Honda Accord EL ภายนอกโดดเด่นและหรูหราด้วยกระจังหน้าแบบโครเมียมที่เชื่อมต่อกับไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) แบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ เสริมความสปอร์ตด้วยท่อไอเสียคู่ พร้อมปลายท่อไอเสียสเตนเลส
Honda Accord EL ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบอย่างดูพรีเมี่ยมและผสมผสานความเป็นสปอร์ตไว้อย่างลงตัว ตัวห้องโดยสารโอ่โถง กว้างขวาง มาพร้อมเบาะหนังและชุดตกแต่งภายในลายไม้ที่โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์แห่งความหรูหรา ครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้งานเพื่อสุนทรียภาพในทุกการเดินทาง ดีไซน์เป็นโทนสีดำทั้งหมด ตัวเบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลัง 4 ทิศทางพร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ พร้อมเลื่อนอัตโนมัติเวลาขึ้น-ลงรถ (Memory Seat with Easy Entry/Exit)
ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ติดตั้งเป็นมาตรฐานความปลอดภัย ใน ฮอนด้า แอคคอร์ด ทุกรุ่นย่อย ผสานการทำงานของเรดาร์และกล้องด้านหน้า ในการตรวจจับสภาวะแวดล้อมบนท้องถนน ช่วยแจ้งเตือนผู้ขับขี่ และช่วยควบคุมรถในสถานการณ์การขับขี่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ขับขี่และเพื่อนร่วมทางบนท้องถนน
เริ่มจาก ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) ระบบที่ช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วของรถเมื่อมีรถคันข้างหน้า รถสวนทาง หรือคนเดินถนนอยู่ในระยะที่ไม่ปลอดภัย โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง รวมถึงมีการสั่นเตือนของพวงมาลัยในกรณี รถสวนทาง ซึ่งหากผู้ขับขี่ยังไม่ตอบสนองหรือในกรณีที่อยู่ในระยะที่เสี่ยงต่อการชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกให้อัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) ระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติ โดยมีกล้องและเรดาร์ตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสมและในการขับขี่ความเร็วต่ำ ระบบจะช่วยปรับความเร็วให้รถเคลื่อนที่ตามรถคันหน้า รวมถึงเบรกและหยุดตามอัตโนมัติ ระบบจะเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่กดปุ่มที่พวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) กล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ ซึ่งระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัย เพื่อช่วยผู้ขับขี่ควบคุมรถให้อยู่ภายในช่องทางปกติ และลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่
ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW) ระบบที่ใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย และในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัยเพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทาง หากรถยังคงเบี่ยงออกนอกช่องทางจนอาจเกิดอุบัติเหตุ ระบบเบรกจะทำงานเพื่อชะลอความเร็ว (ในกรณีที่เส้นแบ่งถนนเป็นเส้นทึบ) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร
ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) เป็นระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติด้วยกล้อง โดยจะปรับเป็นไฟสูงเมื่อขับขี่ในที่มืด และจะปรับเป็นไฟต่ำเมื่อตรวจจับได้ว่ามีรถสวนทางหรือมีรถยนต์ด้านหน้า
รุ่น EL ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเทอร์โบ เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Di VTEC TURBO ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิด 243 นิวตัน-เมตร จากเทคโนโลยีไดเรคอินเจคชัน (Direct Injection) ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง และเทอร์โบชาร์จเจอร์ (Turbocharger) ที่ช่วยอัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ กับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) พร้อมรองรับน้ำมัน E85 ด้วย
สำหรับในส่วนของการทดลองขับเราเริ่มออกเดินทางจาก ศูนย์ฝึกอบรม ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) บางชัน โดยใช้เส้นทางการทดลองขับที่กำหนดเอง เมื่อลองเข้าไปนั่งภายใน Accord EL จะสัมผัสได้ถึงความเป็นสปอร์ตอย่างเต็มเปี่ยมด้วยภายในดทนสีดำทั้งคัน ตำแหน่งท่านั่งเมื่อปรับอย่างเหมาะสมแล้วลงตัวมาก ทัศนวิสัยโดยรอบค่อนข้างดีและชัดเจนทุกมุมมอง ตัวคันเกียร์ก็อยู่ใกล้มือสามารถใช้งานได้สะดวกดีมาก ช่วงแรกสภาพการจราจรค่อนข้างคับคั่งการออกตัวของ Accord EL สามารถทำได้ดี ทันใจ และไม่ค่อยอืดอาดอย่างที่คิด การทำงานของระบบเกียร์ก็เยี่ยมส่งกำลังได้ต่อเนื่องและรู้สึกถึงการทำงานน้อยมาก ช่วงล่างนุ่มนวลกำลังดี ล้อและยางขนาด 225/50r17 ยิ่งช่วยให้ภายในห้องโดยสารนั่งสบายมากขึ้น การเกาะถนนช่วงความเร็วไม่มากขณะเปลี่ยนเลนในเมืองถือว่าฉับไวดีผิดกับลักษณะตัวรถที่เป็นซีดานฐานล้อระดับ 2,830 มม .
ช่วงนอกเมืองที่สามารถทำความเร็วได้สูงขึ้นหน่อย อัตราเร่งช่วงกลางยังถือว่านุ่มนวลและไต่ขึ้นไปได้อย่างเรื่อยๆ แต่พอต้องกดคันเร่งลึกหน่อยเพื่อเร่งแซง Accord EL สามารถเผยสมรรถนะและอัตราเร่งที่เร้าใจขึ้นไปอีกระดับ ช่วงความเร็วระดับ 80-120 กม.ชม(เพื่อเร่งแซงบางช่วง) ทำได้อย่างทันใจสามารถดึงผู้ขับให้จมไปในเบาะนั่งได้เหมือนกัน การเร่งแซงและรู้สึกมั่นใจและปลอดภัยเพราะคุมได้ททั้งหมดไม่ว่าจะเป็นความเร็ว อัตราเร่ง แถมช่วงล่างก็ยังเกาะถนนได้ดี ยิ่งลองกดใช้โหมด Sport บวกกับการเปลี่ยนเกียร์ที่หลังพวงมาลัยยิ่งทำให้การขับขี่สนุกสนามกันอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นทางตรงที่สามารถควบคุมและเพิ่มอัตราเร่งได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเข้าโค้งไม่ว่าจะกว้างหรือแคบผู้ขับก็ยังสามารถเลือกใช้เกียร์ได้เหมาะสมตามที่ต้องการ เลยทำให้เจ้า Accord EL สามารถไปได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยทุกสภาพเส้นทาง การทดลองขับรุ่นแรกสำหรับ Accord EL รวมระยะทางได้ 115 กม. อัตราการสิ้นเปลืองทำได้ 13.8 กม./ชม.
สรุป Accord EL 1.5 VTEC Turbo ดูเหมาะกับแฟนๆ Honda ที่ต้องการรถยนต์ที่ดูดี หรูหรา และภูมิฐานมาใช้งาน แถมยังปลอดภัย และสามารถตอบสนองการใช้งานเดินทางไกลได้ อีกทั้งบางจังหวะอยาก “ซิ่ง” เพื่อให้ “อะดรีนาลีน” สูบฉีดบ้างก็ไม่เลวเลยทีเดียว