เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ที่ผ่านมาทาง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้เปิดตัวรถยนต์อเนกประสงค์ “SUV” รุ่นใหม่ “โคโรลล่า ครอส” Corolla Cross กันไปแล้วที่ “TOYOTA Driving Experience Park” และในวันเดียวกันก็ได้มีการทดลองขับเจ้า Corolla Cross แบบพอหอมปากหอมคอในสนามกันต่อเลย
Toyota Corolla Cross ถือว่าเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดที่น่าจับตามองมาก ด้วยรูปลักษณ์ที่น่าจะเหมาะสมกับการใช้งานในบ้านเรามาก ภายนอกตัวรถโดเด่นด้วยกระจังหน้าทรงสวยขนาดใหญ่ ไฟหน้า LED Projector แบบ Hybrid พร้อม Daytime Running Lights LED แบบ Light Guiding และระบบควบคุมการเปิด – ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow-Me-Home ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า และพับเก็บอัตโนมัติพร้อมไฟเลี้ยวพร้อมระบบ Reverse Link ไฟท้ายแบบ LED Light Guiding หลังคามูนรูฟแบบไฟฟ้า ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ (Smart Entry) ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว
ส่วนภายในดีไซน์เป็นสีแดง Terra Rossa พร้อมเบาะหนัง และเบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ MID (Multi Information Display) ขนาด 7 นิ้ว พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering) หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple Car Play Bluetooth และ USB ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone ปรับอุณหภูมิด้านซ้าย – ขวาอย่างอิสระ พร้อมช่องระบายอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ (Push Start) พร้อมปุ่มควบคุม EV MODE ใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว SPORT MODE เพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ และตอบสนองอัตราเร่งได้ดีขึ้น ECO MODE ช่วยลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลือง เพื่อการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
ยังคับคั่งด้วยความสะดวกสบายอย่าง พนักพิงเบาะนั่งด้านหลังปรับเอนได้ 6 องศาเบาะนั่งด้านหลังแยกพับได้แบบ 60:40 พนักวางแขนด้านหลัง พร้อมที่วางแก้วน้ำ ช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ ประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมเซนเซอร์เปิด-ปิดประตูท้ายแบบ Kick Activated และพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมีความจุมากถึง 487 ลิตร เลยทีเดียว
ในส่วนของรถยนต์สำหรับทดลองขับจะเป็นรุ่นท้อปสุด “Hybrid Premium Safety” ใช้เครื่องยนต์ระบบไฮบริดเจเนเรชันที่ 4 (4th Generation Hybrid)ที่พัฒนาแบตเตอรี่ใหม่ ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพื่อความทนทานและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้นการันตีข้อมูลจากดรงงานด้วยอัตราประหยัดน้ำมันสูงถึง 23.3 กม./ลิตร โดยตัวเครื่องยนต์เป็นรหัส 2ZR-FXE ขนาด 1.8 ลิตร ระบบการเผาไหม้แบบ Atkinson Cycle พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVT-i รองรับการใช้น้ำมัน E20 ระบบเกียร์เนแบบอัตโนมัติ E-CVT พร้อม Shift Lock ระบบ PCU (Power Control Unit) พัฒนาให้ระบายความร้อนได้ดีขึ้น ตัวแบตเตอรี่ไฮบริด Ni-MH (Nickel-Metal Hydride) ใหม่มีขนาดเล็กลง เก็บประจุไฟฟ้าได้เร็วขึ้น และสามารถจ่ายไฟให้แก่มอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมพัฒนาระบบระบายความร้อนใหม่ ทำให้มีความทนทานยิ่งขึ้นกว่าเดิม
การทดลองขับ Toyota Corolla Cross ในสนามทดสอบช่วงแรกจะเป็นการลองการบังคับควบคุมพวงมาลัยช่วงความเร็วต่ำในโค้งแคบๆ ซึ่ง Corolla Cross สามารถทำได้ดี การบังคับรถทำได้ง่าย น้ำหนักของพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้าก็กำลังดี การใช้งานในเมืองที่ต้องเลี้ยวหรือจอดรถในที่แคบๆคงสะดวกสบายไม่น้อยเลยทีเดียว ต่อมาเป็นช่วงทางตรงสั้นที่มีเส้นแบ่งเลนอยู่ จุดนี้เราได้ทดลองระบบ Lane Departure Alert With Steering Assist ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ ซึ่งเป็นการเตือนและ ดึง” พวงมาลัยอย่างเบาๆ ตัวผู้ขับเลยไม่ค่อยรู้สึกอึดอัดเวลาขับมากนัก
ต่อด้วยการขับเข้าโค้งกว้างซึ่งตัว Corolla Cross ออกแบบมาให้มีทัศนวิสัยที่ดี บังคับควบคุมรถง่าย ด้วย Excellent Visibility ที่ออกแบบตัวรถให้เหมาะกับสรีระผู้ขับขี่ ช่วยเพิ่มทัศนวิสัย ลดจุดอับสายตานั่นเอง ต่อด้วยการขับซิกแซกแบบสลาลอม จุดนี้ได้ลองถึงโครงสร้างยานยนต์ใหม่ TNGA : Toyota New Global Architecture ของทางโตโยต้าที่ช่วยให้รถยนต์ของค่ายที่ใช้โครงสร้างนี้ขับดีขึ้นกว่าสมัยก่อนอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็น Body Rigidity เพิ่มความมั่นคงของรถด้วยโครงสร้างเหล็กที่แข็งแรงขึ้น พร้อมเพิ่มจำนวนจุดเชื่อมตัวรถ (Spot Welding) ช่วยรองรับแรงบิดที่มีต่อตัวถัง Good Handling พวงมาลัยปรับจูนให้ตอบสนองได้แม่นยำมากขึ้น Low Center Of Gravity ออกแบบให้มีจุดศูนย์ถ่วงตัวรถต่ำลดอาการโคลงของตัวรถช่วยเรื่องการทรงตัวและการเข้าโค้งดีขึ้น จากการขับผ่านช่วงสลาลอม Corolla Cross มีอาการมั่นคงและขับง่าย การบังคับควบคุมสลับซ้าย-ขวาก็แม่นยำดี ตัวรถมีอาการโคลงน้อยมาก ยิ่งตอนลองนั่งเป็นผู้โดยสารตอนหลังก็ไม่รู้สึกถึงอาการเวียนหัวแต่อย่างใด ต่อด้วยเลี้ยวโค้งยูเทิร์นอย่างสบายๆด้วยรัศมีวงเลี้ยวเพียง 5.2 ม.
ช่วงต่อไปเป็นการลองอัตราเร่งกัน ด้วยเครื่องยนต์ ขนาด 1.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 98 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตร และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 72 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 163 นิวตัน-เมตร เมื่อรวมกันจึงได้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า เลยทีเดียว เมื่อกดคันเร่งจนมิดเพื่อออกตัว Corolla Cross สามารถ “พุ่ง” ออกไปได้อย่างทันใจ ตัวอัตราเร่งรู้สึกน่าพอใจ อาการอืดอย่างที่คิดไว้ในใจกลับมีน้อยมาก ความเร็วสามารถไตขึ้นไปได้อย่างต่อเนื่อง ระบบเกียร์แบบ E-CVT สามารถทำงานได้อย่างนุ่มนวล มีการตระตุกในช่วงการทำงานน้อยมากจนแทบไม่รู้สึกเลย ในระยะเวลาและระยะทางสั้นๆ Corolla Cross ก็สามารถไต่ความเร็วไปจนถึง 100 กม./ชม. ได้อย่างไม่ยากเย็น จากนั้นก็ลองระบบเบรกเพื่อลดความเร็ว ซึ่งสามารถหน่วงความเร็วลงได้อย่างรวดเร็ว ตัวรถก็ยังมั่นคงไม่มีอาการเป๋แต่อย่างใด น้ำหนักของแป้นเบรกกำลังดีทำให้การใช้งานในชีวิตประจำวันที่การจราจรคับคั่งไม่ลำบากอย่างแน่นอน
ต่อด้วยการเข้าโค้งซ้าย-ขวาด้วยความเร็วสูง Corolla Cross ยังคงเกาะถนนได้อย่างมั่นคง ส่วนการบังคับควมคุมพวงมาลัยก็เชื่องมือละแม่นยำ อัตราเร่งของเครื่องยนต์ในขณะเข้า-ออกโค้งทำได้นุ่มนวลและต่อเนื่องดี จากนั้นลองขับข้ามสะพานที่มีคอสะพานโหดๆ ตัวรถยังคงมั่นคงดี ระบบช่วงล่างและระบบกันสะเทือนทำงานเซ็ทมาได้ดีมาก ตัวรถมีอาการ “ดีด” น้อยทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ในขณะที่ลงสะพานก็ยังสัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลและไม่มีการกระแทกของช่วงล่างเลย ผ่านสะพานคอโหดๆก็มาเจอกับเส้นทางที่เป็นเนินลูกระนาด Corolla Cross เซ็ทช่วงล่างมาลงตัวมากสามารถเก็บแรงกระแทกจากผิวถนนไปได้เยอะ ภายในห้องโดยสารเลยไม่ค่อยรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนมากอย่างที่คิด อีกทั้งตัวรถยังไม่มีเสียงผิดปกติจากช่วงล่างหรือตัวถังเลย จากนั้นเป็นถนนผิวขรุขระซึ่ง Corolla Cross ก็ยังมีการทรงตัวที่นิ่งและขับได้อย่างสบายเหมือนเดิม
แค่นี้ก็จบการทดลองขับเจ้า Corolla Cross กันอย่างสั้นๆในสนาม “TOYOTA Driving Experience Park” ส่วนหลังจากนี้คงจะได้มีโอกาสลองขับใช้งานยาวๆแล้วจะมาเล่าให้ฟังกันอีกที....