บริษัท Rêver Automotive จำกัด (เรเว่ ออโตโมทีฟ) ในฐานะผู้จัดจำหน่ายและให้บริการหลังการขายสำหรับกลุ่มรถยนต์พลังงานใหม่ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ (Thailand Authorized Distributor) จัดกิจกรรมทดลองขับ BYD ATTO 3 รถยนต์ไฟฟ้าภายใต้แนวคิด “ENERGY AWAKEN ปลุกพลังใหม่ ปลุกชีวิตที่ดีกว่า” ณ.สนามปทุมธานีสปีดเวย์ โดยมีการจำลองสถานีต่างๆเพื่อพิสูจน์สมรรถนะของเจ้า BYD ATTO 3 กัน
สำหรับ BYD ATTO 3 มาในรูปแบบ Premium SUV 5 ประตู 5 ที่นั่ง ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่โฉบเฉี่ยว พร้อมการตกแต่งภายในที่ล้ำสมัยสไตล์ Sporty & Rhythmic Design ที่คำนึงถึงความสะดวกและปลอดภัยของผู้ขับขี่เป็นสำคัญ การดีไซน์ภายนอกของ BYD ATTO 3 มาจากแนวคิด Edgy Exterior โดยได้รับแรงบันดาลใจจากมังกรที่มอบความทรงพลังให้ทุกเส้นสาย สะกดทุกสายตา ไล่จาก Dragon Face ด้านหน้า โดดเด่นด้วย Crystal LED Combination Headlight คาดคิ้วโครเมียม โฉบเฉี่ยวล้ำสมัยสไตล์สปอร์ตกับกรอบร่างเรียบง่ายแฝงไปด้วยความเฉียบคม เสา C วัสดุขึ้นรูปลายคลื่นน้ำคล้ายเกล็ดมังกร หลังคา Panoramic Sunroof เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันการหนีบ ด้านหลังสโลปลงพร้อมสปอยเลอร์ ไฟท้าย LED คาดยาวซ้ายจรดขวาประดุจปีกนก ไฟเลี้ยว Sequential สะดุดตาไม่เหมือนใคร เปิด-ปิดประตูท้ายด้วยระบบไฟฟ้าแบบ One-Touch
ภายในได้รับแรงบันดาลใจจากไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ BYD ATTO 3 ได้ปลุกนิยามใหม่ของการออกแบบ ด้วยภายในห้องโดยสารที่หรูหราและโฉบเฉี่ยวภายใต้แนวคิด Electric Interior ผสมผสานอย่างลงตัวกับ Music Streamline Design ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องดนตรีเพื่อให้ความรู้สึกผ่อนคลาย โดดเด่นแปลกตาด้วยสายกั้นสัมภาระสีแดงที่แผงประตู
ตัวพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันปรับได้ 4 ทิศทางพร้อมสวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียง และสวิตช์ควบคุมหน้าจอ ดีไซน์สปอร์ตแบบ 3 ก้าน สวิตช์เปลี่ยนเกียร์แบบ Finger-touched electronic shift รูปทรงช่องแอร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากดัมเบล ก้านมือจับประตูล้ำสมัยแบบ Grip Style และที่พักแขนขนาดใหญ่ สไตล์ Treadmill พิเศษด้วยเบาะนั่งคู่หน้าโอบรับสรีระแบบ gaming Seat ตัวเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าแบบ 6 ทิศทาง และเบาะผู้โดยสารตอนหน้าปรับได้ถึง 4 ทิศทาง หน้าจอกลางขนาด 12.8 นิ้ว สามารถหมุนได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน
ATTO 3 จะสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับการขับขี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่โดดเด่นอันเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ BYD เท่านั้น อย่าง Blade Battery นวัตกรรมใหม่ของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ เอกสิทธิ์เฉพาะของ BYD ที่มีประสิทธิภาพด้วยรูปทรงเซลล์แบตเตอรี่ลักษณะคล้ายใบมีดวางเรียงกัน จึงมีพื้นที่ว่างในการเพิ่มจำนวนเซลล์เพื่อพลังงานที่มากขึ้น มีอายุการใช้งานยาวนานกว่า และมีระบบจัดการความร้อนอัจฉริยะที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อนได้ถึง 20% โดยการทำงานรักษาอุณหภูมิแบตเตอรี่อยู่แถวๆ 32-34 องศาเซลเซียส และไม่ให้เกิน 38 องศาเซลเซียส
พร้อมลดการสูญเสียพลังงานเสริมด้วยระบบปั๊มความร้อน ทนทานทุกสภาพอากาศ ผ่านการทดสอบมาตรฐานความปลอดภัย Nail Penetration Test ที่ปลอดภัยสูงสุดแม้ได้รับความเสียหายรุนแรง ขึ้นแท่นเป็นแบตเตอรี่ที่ปลอดภัยที่สุดในตลาด
แพลตฟอร์มแห่งอนาคต “e-Platform 3.0” ที่ยกระดับการขับขี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าไปอีกขั้น ถูกพัฒนาออกแบบสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ด้วยการวางตำแหน่งของระบบส่งกำลัง 8 in 1 (ตัวควบคุมกระแสไฟฟ้า แบตเตอรี่ และ การขับเคลื่อน) ที่เหมาะสม อีกทั้งลงตัวสุดจากโครงสร้างแชสซีส์และแบตเตอรี่จนเกิดความสมดุลทั้งคัน ทำให้สามารถมีช่วงฐานล้อที่กว้างมากถึง 2720 มม. มากที่สุดในรถยนต์ขนาดเดียวกัน ช่วยส่งผลให้การกระจายน้ำหนักแบะยีดเกาะถนนดีเยี่ยม
ระบบ DiPilot ความปลอดภัยอัจฉริยะที่เป็นตัวผู้ช่วยในการขับขี่ พร้อมระบบความปลอดภัยแบบ Active Safety และ Passive Safety อย่างระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชัน -Stop and Go (ACC-S&G) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ - Lane Keeping Assist (LKA) ระบบแจ้งเตือนออกนอกเลน - Lane Departure Warning (LDW) ระบบแสดงภาพ 360 องศารอบทิศทาง ถุงลมนิรภัย 7 จุด เป็นต้น
BYD ATTO 3 โดดเด่นด้วยขุมพลังจาก BYD Blade Battery (LFP) อันเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะแบรนด์ BYD ความจุ 60.48 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ให้กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์หรือ 201 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร ระยะทางวิ่ง 480 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC หรือ 420 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 7.3 วินาที
BYD ATTO 3 ยังรองรับหัวชาร์จ แบบ AC Type 2 และแบบ DC - CCS 2 สูงสุด 80kW มีระบบ V2L (Vehicle To Load) จ่ายไฟฟ้าได้สูงสุด 2.2 kW พร้อมระบบการดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative braking) ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า Electric Power Assisted Steering (EPAS) ส่วนระบบช่วงล่างมีระบบกันสะเทือนมัลติ-ลิงค์ด้านหลัง และ ระบบเบรคด้านหน้าดิสก์เบรคแบบมีช่องระบายความร้อน ล้ออัลลอยด์ 18 นิ้วที่ออกแบบโดยคำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์ โดยตัว ATTO 3 มีให้เลือกถึง 5 สี ได้แก่ ขาว Frost เทา Graphite ฟ้า Lagoon เขียว Emerald และ แดง Solar
สำหรับการทดลองขับใน สนามปทุมธานีสปีดเวย์ จะแบ่งเป็นสถานีหลักๆ 3 สถานี เริ่มจาก Acceleration Test ต่อด้วยสถานี Snake and figure 8s และสถานี ADAS Test เริ่มแรกสถานี Acceleration Test เป็นการลองอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ของ ATTO 3 กัน โดยรอบแรกเราขอลองวิ่งด้วยโหมด Eco ก่อน เริ่มออกตัวคันเร่งหน่วงหน่อยๆตอบสนองค่อนข้างช้า อัตราเร่งช่วงแรกเลยนุ่มนวลไม่กระชาก จากนั้นอัตราเร่งก็เริ่มรู้สึกว่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่รู้สึกว่ายังเร่งดีกว่ารถยนต์เครื่องยนต์ปกติในไซส์เท่าๆกัน อัตราเร่งช่วงกลางยังไต่ขึ้นเรื่อยๆได้อย่างทันใจ การทรงตัวในช่วงนี้ยังคงนิ่งและมั่นคง ถึงความเร็ว 100 กม./ชม. ก็ถึงจุดเบรกซึ่ง ATTO 3 ยังคงเบรกชะลอความเร็วได้ดีและไม่มีอาการเสียการทรงตัว จากนั้นก็มาลองอัตราเร่งกันในโหมด Sport ดูบ้าง โหมดนี้ช่วงออกตัวคันเร่งตอบสนองดีขึ้นอัตราเร่งทันใจขึ้นกว่าโหมด Eco อย่างชัดเจน ความเร็วไต่ขึ้นไปได้ไวขึ้นยอมรับเลยว่า “จัดจ้าน” ไม่น้อยเลยทีเดียว อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ผ่านไปได้อย่างรวดเร็ว เวลาประมาณจากความรู้สึกน่าจะได้แถวๆ 7-8 วินาที เท่านั้นเพราะรู้สึกว่า “เร็ว” กว่ารถหลายๆรุ่นที่ได้ลองมาที่ทำได้ระดับ 8-9 วินาที ส่วนการเบรกที่ความเร็วสูงก็ยังทำได้ดี ชะลอความเร็วลงได้อย่าง “สั่งได้” และนุ่มนวล
สถานีที่ 2 คือ Snake and figure 8s เป็นการลองขับ ATTO 3 ผ่านอุปสรรคที่ต้องบังคับควบคุมตัวรถห่านไปได้ อย่างการเปลี่ยนเลนกระทันหัน การเข้าโค้งรูปเลข “8” ซึ่งตัว ATTO 3 มีการบังคับควบคุมที่ดีเยี่ยม เข้าโค้งได้แม่นยำ ช่วงล่างอาจจพดูนุ่มไปหน่อยแต่ “เอาอยู่” การทรงตัวมีอาการเอียงให้เห็นบ้างแต่ก็อยู่ในระดับปกติ พวงมาลัยเบาแรงและบังคับควบคุมง่ายสาวๆสามารถใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหาแน่นอน ยางที่ใช้กับ ATTO 3 อาจจะดูแล้วไม่น่าศรัทธา แต่ก็มีประสิทธิภาพที่ดีพอตัว การเกาะถนนรู้สึกได้ว่าดีกว่าที่คิด ส่วนบางช่วงต้องขับผ่านแอ่งน้ำก็ยังรีดน้ำได้อย่างน่าประทับใจและไม่มีอาการเหินน้ำแต่อย่างใดอีกด้วย การเลี้ยวโค้งด้วยความเร็วสูงก็ยังทำได้ดี การผ่านเนินลูกระนาดตัวรถก็ยังนิ่งและซับแรงกระแทกได้เกือบหมด การหักหลบสิ่งกีดขวางทำได้ดีตัวรถเสียอาการเลย อันนี้น่าจะมาจาการออกแบบและจัดวางอุปกรร์ต่างๆของตัวรถได้อย่างเหมาะสมและลงตัว
สถานีสุดท้าย ADAS Test เป็นการขับทดลองตัวช่วยความปลอดภัยต่างๆอย่างระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชัน -Stop and Go (ACC-S&G) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ - Lane Keeping Assist (LKA) ระบบแจ้งเตือนออกนอกเลน - Lane Departure Warning ซึ่งทั้งหมดได้ทดลองใช้งานแล้วสามารถใช้งานได้จริง แม่นยำ ไม่มีอาการ “หลุด” หรือไม่ทำงานให้เจอเลย ถือว่า ATTO 3 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่อุปกรณ์ต่างๆทำงานได้ “เสถียร” ดีมากเลยทีเดียว