ฟอร์ด ประเทศไทย เชิญ “Speedxonline/onairFM89.5” พร้อมกับคณะสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศร่วมกิจกรรมทดสอบขับรถฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ รถยนต์นั่งแบบอเนกประสงค์รุ่นล่าสุดจากฟอร์ดที่ผสานสุดยอดสมรรถนะเพื่อพิชิตทุกการผจญภัยทั้งบนทางเรียบและออฟโรด เข้ากับอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย ความสะดวกสบายเหนือระดับ และเทคโนโลยีล้ำสมัย สำหรับกิจกรรมทดสอบขับรถภายใต้แนวคิด ‘Life is Yours to Master’ จัดขึ้นที่จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อให้ได้สัมผัสสมรรถนะของรถยนต์รุ่นใหม่ รวมถึงทดสอบการทำงานของหลายๆ ฟีเจอร์ในฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ที่ติดตั้งมาเป็นครั้งแรกในเซกเมนต์นี้
กิจกรรมเริ่มต้นด้วยการบรรยายข้อมูลผลิตภัณฑ์ โดยมี มร. เอียน ฟอสตัน หัวหน้าวิศวกรแพลตฟอร์ม T6 เป็นผู้ให้รายละเอียดของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่คำนึงถึงลูกค้าเป็นอันดับแรก ตั้งแต่การออกแบบตัวถังภายนอกใหม่ให้ดูโดดเด่นมากขึ้น สมรรถนะในการขับขี่ที่ดีกว่าเดิม ความสะดวกสบายและความประณีตภายในห้องโดยสาร รวมถึงเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยและระบบเชื่อมต่อทันสมัยที่ได้รับการยกระดับไปอีกขั้น
ภายในงาน ฟอร์ดยังได้จัดแสดงรถฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ครบทั้ง 4 รุ่นย่อย ที่มีจำหน่ายในประเทศไทย ได้แก่ รุ่นเทรนด์ รุ่นสปอร์ต รุ่นไทเทเนียมพลัส 4x2 และรุ่นไทเทเนียมพลัส 4x4 ที่มาพร้อมตัวเลือกขุมพลังเครื่องยนต์ที่เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกันของรถแต่ละรุ่นย่อย ได้แก่
-ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ไทเทเนียมพลัส 4x4 10AT มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติแบบ E-Shifter 10 สปีด มอบพละกำลัง 210 PS ที่ 3,750 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,000 รอบต่อนาที
-ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ไทเทเนียมพลัส 4x2 10AT ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติแบบ SelectShift 10 สปีด ให้กำลัง 210 PS ที่ 3,750 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที
-ฟอร์ด เอเวอเรสต์ สปอร์ต 4x2 6AT มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยวทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้กำลัง 170 PS ที่ 3,500 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 405 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที
-ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เทรนด์ 4x2 6AT ผสานการทำงานของเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้กำลัง 170 PS ที่ 3,500 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงสุด 405 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที
สำหรับการทดลองขับฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ในครั้งนี้เป็นรุ่น ไทเทเนียมพลัส 4x4 10AT ท้อปสุด โดยจะได้ลองขับทั้งบนทางเรียบและออฟโรด ซึ่งช่วงแรกทดลองขับบนทางเรียบที่เป็นถนนปกติทั่วไป สัมผัสแรกช่วงล่างถือว่านุ่มนวลกำลังดี จับพวงมาลัยบังคับเลี้ยวก็รุ้สึกมั่นคง แต่ยามผ่านตัวหนอนสำหรับชะลอความเร็วบนถนน ด้านหน้าระบบกันสะเทือนทำงานได้กระชับดี ส่วนด้านหลังยังรู้สึกนุ่มนวลไปหน่อยจากการ “ยุบ” และ “ยืด”ของช่วงล่างที่ดูเร็วไปนิด ช่วงใช้ความเร็วได้มากหน่อยบนถนน ตัวรถนิ่งทำให้การขับสบายไม่เครียดเหมือนกับตัวก่อน การโคลงหรือการเอียงของตัวถังยามเข้าโค้งก็มีน้อย ยิ่งด้วยฐานล้อที่กว้างขึ้น 50 มิลลิเมตร ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ทำให้การควบคุมบนถนนทำได้ดียิ่งขึ้นไปอีก
ระบบช่วงล่างนุ่มนวลแต่ยังคงมั่นคง ผ่านช่วงถนนชำรุด ขรุขระ ก็ยังไม่เสียอาการแถมยังซับแรงสะเทือนได้ดีจนภายในห้องโดยสารรู้สึกได้น้อยมาก อัตราเร่งช่วงแรกอาจดูหนืดๆนิดหน่อยแต่พอเติมคันเร่งเพิ่มไปอีกหน่อยจะรู้สึกถึงกำลังและอัตราเร่งที่ออกมาให้ใช้มากกว่าช่วงแรกอย่างชัดเจน กำลัง 210 แรงม้า กับแรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่มาจากเครื่องยนต์ความจุ 2.0 ลิตร อาจดูไม่ “ดุดัน” เท่ากับกำลังที่มาจากเครื่องความจุมากๆ แต่ก็มีออกมาเรื่อยๆและต่อเนื่องใช้ได้เลยทีเดียว
การทำงานของระบบส่งกำลังอย่างเกียร์อัตโนมัติแบบ E-Shifter 10 สปีด กระฉับกระเฉงดีมาก การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างนุ่มนวลไร้รอยต่อ อีกทั้งยังทำงานได้สอดคล้องกับกำลังจากเครื่องยนต์ได้อย่างกลมกลืนดีเยี่ยม ในการลองขับบนทางเรียบยังได้ลองในส่วนของระบบ ควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชัน Stop and Go และระบบควบคุมรถให้อยู่กลางช่องทางที่ช่วยตรวจสอบช่องทางจราจรเพื่อให้รถอยู่ตรงกลางเลน ช่วยให้ผู้ขับขี่รักษาระยะห่างที่ปลอดภัย และจำกัดความเร็วได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะขณะขับขี่บนทางไฮเวย์ หรือเส้นทางที่ใช้ความเร็วสูงและมีรถพลุกพล่าน การทำงานเป็นไปอย่างนุ่มนวลและเนียนมาก ไม่รู้สึกขัดความรู้สึกหรือรำคาญในการขับเหมือนกับคู่แข่งหลายๆรุ่น
จากนั้งเราก็ขับเจ้า ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ไทเทเนียมพลัส 4x4 10AT สู่เส้นทางธรรมชาติที่เป็นแบบออฟโรด เพื่อทดลองโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย อย่างช่วงแรกก่อน ลุย” จริงจะเป็น “โหมดปกติ” ที่ออกแบบเพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วไป บางช่วงบนทางเรียบก็ยังได้ใช้ “โหมดประหยัด” ที่ทำงานด้วยการประเมินพฤติกรรมการขับขี่ และปรับการทำงานของระบบส่งกำลังและระบบควบคุมความเร็วให้เหมาะสม เพื่อเพิ่มอัตราการประหยัดน้ำมันให้ได้สูงสุด
จากนั้นก็เข้าสู่เส้นทาง “ลุย” จริงๆกัน จึงต้องเปลี่ยนไปใช้ระบบขับเคลื่อน 4H พร้อมเปลี่ยนไปใช้ “โหมดทางลื่น” ที่ปรับการทำงานของเครื่องยนต์ เกียร์ และระบบควบคุมการยึดเกาะถนน เพื่อลดโอกาสที่ล้อจะหมุนฟรี ป้องกันการลื่นไถล ทำให้สามารถควบคุมรถได้อย่างเชื่องมือและปลอดภัยแม้จะเป็นมือใหม่ก็ตาม บางช่วงเป็นทางโตลนที่ลื่นมากจนตัวรถจะมีอาการเลื้อยหน่อยๆ ระบบขับเคลื่อน 4H ยังช่วยให้ขับผ่านไปได้อย่างสบาย ส่วนของช่วงล่างและระบบกันสะเทือนพอต้อง “ลุย” กับทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมดีมาก ทั้งนุ่มนวลและซับแรงกระแทกได้อย่างหมดจดเลยทีเดียว
ขับต่อมาต้องผ่านเส้นทางที่ “โหด” ขึ้นจนต้องเปลี่ยนไปใช้ “โหมดโคลน” ที่ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ผิวที่ปกคลุมด้วยโคลน กรวด หรือร่องดิน ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ สามารถผ่านได้อย่างมั่นใจ ยิ่งปรับระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 4H ด้วยแล้วตัวระบบดิฟล็อคหลังไฟฟ้าจะทำงานแบบอัตโนมัติในโหมดนี้ เพิ่มการยึดเกาะให้เต็มประสิทธิภาพและรักษากำลังของรถไว้ ควบคู่กับการปล่อยให้ล้อหมุนด้วยความเร็วเพื่อรีดโคลนออกจากดอกยางได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อีกทั้งยังต้องทดลองขับผ่านบ่อน้ำที่มีปริมาณน้ำสูงระดับ 80 ซม. บวกกับกำลังและแรงบิดระดับนี้สามารถกดคันเร่งเบาๆก็ผ่านไปได้อย่างสบาย แถมยังมีกล้องด้านหน้ารวมกับมองรอบคัน 360 องศา เพิ่มการมองเห็นรอบคันให้แก่ผู้ขับยิ่งทำให้ผ่านอุปสรรคโหดๆไปได้อย่างไม่มีริ้วรอยความเสียหายใดๆเกิดขึ้นเลย
จบการ “ลุย” พอหอมปากหอมคอแล้วก็ถึงเวลาไปลองอีกเทคโนโลยีที่ฟอร์ดพัฒนาขึ้นเพื่อมอบทั้งความอเนกประสงค์และความสะดวกสบายในสถานี ‘Comfort and Convenience’ โดยมีฟีเจอร์เด่นๆ อย่าง “ฟอร์ดพาส” (FordPass™): แอปพลิเคชันที่ยกระดับประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถฟอร์ดได้ทุกที่ ทุกเวลา ด้วยบริการเชื่อมต่อและฟีเจอร์อำนวยความสะดวกที่หลากหลาย เช่น การสตาร์ทรถ ล็อกและปลดล็อก ปรับอุณหภูมิรถล่วงหน้า และตรวจสอบสถานภาพของรถผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ตัวเบาะที่นั่งยังสามารถปรับได้ตามการใช้งาน นอกจากจะรองรับผู้โดยสารได้สูงสุดถึง 7 ที่นั่งแล้ว เบาะนั่งแถวที่ 2 ของฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ยังปรับให้พับราบได้แบบ 60:40 ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 3 แบ่งสัดส่วน 50:50 พร้อมฟังก์ชั่นการพับเบาะแบบไฟฟ้าได้ง่ายๆ เพียงกดปุ่มบริเวณที่เก็บของท้ายรถในรุ่นไทเทเนียมพลัส ผู้ขับขี่จึงขนของที่มีขนาดใหญ่ได้อย่างสะดวกสบาย
ห้องโดยสารกว้างขวาง: ห้องโดยสารของฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ กว้างขวางและนั่งสบายได้ทั้งครอบครัว ใส่ใจในรายละเอียดด้วย “จุดดักแอปเปิ้ล” หรือแนวแผงกั้นบริเวณท้ายรถ ช่วยกันไม่ให้ของตกเมื่อเปิดประตูท้าย พร้อมที่เก็บของใต้พื้นรถ ช่วยให้การเก็บสัมภาระเป็นระเบียบยิ่งขึ้น
หน้าจอความละเอียดสูงแบบสัมผัสแนวตั้งขนาดใหญ่: ฟอร์ดติดตั้งหน้าจอสีแบบสัมผัสขนาด 10.1 หรือ 12 นิ้ว มาในฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ เพื่อให้ผู้ขับขี่ควบคุมอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงและเชื่อมต่อการสื่อสารผ่านระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4A ซึ่งเป็นระบบล่าสุดของฟอร์ดเอง
ต่อด้วยในสถานี “Smart Technology” ยังได้ลองใช้เทคโนโลยีช่วยในการขับขี่ขั้นสูงที่ติดตั้งมาเพื่อเสริมความมั่นใจของผู้ขับขี่ และช่วยให้ควบคุมรถได้ดียิ่งขึ้นในหลากหลายสถานการณ์ อย่าง “ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ 2.0” ระบบนี้ช่วยให้ผู้ขับขี่จอดรถเทียบข้าง หรือถอยจอดเข้าซองได้ง่ายๆ เพียงกดปุ่มเดียว โดยระบบจะช่วยหมุนพวงมาลัย เปลี่ยนเกียร์ รวมถึงควบคุมคันเร่งและเบรก ให้รถเข้าสู่ช่องจอดได้อย่างง่ายดาย ซึ่งการทำงานถือว่าแม่นยำและเชื่อใจได้เลยทีเดียว ไม่ว่าจะจอดรถในช่องจอดแนวตรงหรือช่องจอดแนวด้านข้างก็ตาม แถมการใช้งานก็ไม่ยากนักสามารถเข้าถึงได้ง่ายและไม่ซับซ้อน
ต่อด้วยการทดลอง “ระบบช่วยเบรกขณะถอยหลัง” ช่วยให้ผู้ขับขี่ถอยรถได้มั่นใจยิ่งขึ้น ด้วยการตรวจจับวัตถุบริเวณท้ายรถ และส่งเสียงเตือน หากผู้ขับขี่ไม่สามารถตอบสนองได้ทัน ระบบจะส่งแรงเพื่อเบรกจนรถหยุดนิ่ง จากการใช้งานจริงถือว่ามีความแม่นยำสูงและสามารถไว้วางใจได้ ตัวรถสามารถหยุดในขณะที่กำลังถอยและตรวจเจอสิ่งกีดขวางได้อย่างนุ่นนวลและปลอดภัย
สรุปการทดลองขับเจ้าฟอร์ด เอเวอเรสต์ ไทเทเนียมพลัส 4x4 10AT ภายนอกหล่อล้ำและโดดเด่นกว่าเพื่อน สามารถขับขี่ได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งทางเรียบและทางลุย ดังที่คิดไว้ ระบบตัวช่วยทั้งหลายก็มาอย่างจัดเต็มแถมยังมีประโยชน์และใช้งานได้จริง มางวดนี้คงสามารถสร้างยอดขายได้ดีเหมือนเดิม แต่ส่วนของการบริการคงต้องสร้างความประทับใจกว่านี้อีกหน่อยจะดีมากเลยทีเดียว